ปฏิบัติการทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ “บ้านเสี่ยโน้ต” เรียกดอกเบี้ยโหด 1,825% ต่อปี

เรื่องที่น่าสนใจ

เปิดโปงเครือข่ายเงินกู้มหาโหดที่ปล่อยกู้เฉพาะสตรี

ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้นำกำลังเข้าทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบที่มีชื่อว่า “บ้านเสี่ยโน้ต ปล่อยหมุน ทุนค้าขาย” ซึ่งมีนางสาวศิรินารถ หรือที่รู้จักในนาม “เสี่ยโน้ต” อายุ 30 ปี เป็นผู้ดำเนินการหลัก โดยปฏิบัติการครั้งนี้นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.บัญชา ช่วยรอดหมด สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.5 บก.ปอศ.

การบุกตรวจค้นเกิดขึ้นที่บ้านพักแห่งหนึ่งในตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากที่มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการของเครือข่ายเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งมีการปล่อยเงินกู้ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี โดยเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้หญิงเท่านั้น

การกระทำความผิดที่ร้ายแรง

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า “บ้านเสี่ยโน้ต” ได้กระทำความผิดในหลายข้อหาร้ายแรง ประกอบด้วย:

  1. การประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
  2. การเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรามหาโหดถึงร้อยละ 1,825 ต่อปี (หรือประมาณร้อยละ 5 ต่อวัน) ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้มากมาย
  3. การกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะที่เป็นการข่มขู่ ใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือบุคคลอื่น

หลักฐานที่ตรวจยึดได้

ในการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดหลักฐานสำคัญหลายรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจเงินกู้นอกระบบอย่างชัดเจน ได้แก่:

  1. แผ่นโฆษณา “บ้านเสี่ยโน้ต ปล่อยหมุน ทุนค้าขาย” ที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจผิดกฎหมาย
  2. สมุดจดบันทึกข้อมูลลูกหนี้ ซึ่งมีรายละเอียดข้อมูลของผู้กู้จำนวนมาก
  3. แบบสัญญาเงินกู้ยืมเงิน ที่แสดงให้เห็นถึงการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ผิดกฎหมาย

จำนวนผู้เสียหายมหาศาล

จากการตรวจสอบพบว่า “บ้านเสี่ยโน้ต” มีผู้กู้รวมแล้วมากกว่า 1,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยการคิดดอกเบี้ยที่สูงลิบและการทวงหนี้ที่รุนแรง

รูปแบบการดำเนินการและวิธีการทวงหนี้

“บ้านเสี่ยโน้ต” มีวิธีการดำเนินการที่เรียบง่ายแต่แยบยลในการล่อหลอกเหยื่อ โดยมีขั้นตอนการกู้ที่ไม่ซับซ้อน ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน ทำให้ผู้ที่ต้องการเงินด่วนสามารถเข้าถึงได้ง่าย เมื่อผู้ต้องหาอนุมัติเงินกู้แล้ว จะทำการโอนเงินไปให้ลูกหนี้โดยตรง

แต่หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ตามกำหนด “เสี่ยโน้ต” จะใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรง ประกอบด้วย:

  1. การโพสต์ประจานลูกหนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและสร้างความอับอายให้แก่ลูกหนี้
  2. การเข้าไปทวงหนี้ถึงที่อยู่ของลูกหนี้โดยตรง ซึ่งมักมีการข่มขู่และคุกคาม
  3. การใช้การประจานและข่มขู่กับลูกหนี้โดยไม่เลือกหน้า ทำให้ลูกหนี้เกิดความหวาดกลัวและยอมจ่ายเงินในที่สุด

คำให้การของผู้ต้องหา

ในการสอบสวนเบื้องต้น นางสาวศิรินารถ หรือ “เสี่ยโน้ต” ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ดำเนินการปล่อยเงินกู้ในชื่อ “บ้านเสี่ยโน้ต ปล่อยหมุน ทุนค้าขาย” จริง โดยได้ดำเนินกิจการมาเป็นเวลานานประมาณ 3-4 ปีแล้ว

เสี่ยโน้ตเปิดเผยว่า การที่เลือกปล่อยกู้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เนื่องจากสามารถติดตามทวงหนี้ได้ง่ายกว่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบในการเอาเปรียบลูกหนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงซึ่งอาจมีความเปราะบางทางการเงินและสังคม

การดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่ตรวจยึดได้จากบ้านพักของผู้ต้องหา และนำไปประกอบการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับนางสาวศิรินารถ ตามกฎหมายต่อไป

การกระทำของ “เสี่ยโน้ต” แสดงให้เห็นถึงความไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเป็นการเอาเปรียบประชาชนที่มีความต้องการเงินด่วนแต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ โดยการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 1,825 ต่อปี ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

คำเตือนจากตำรวจสอบสวนกลาง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ฝากคำเตือนถึงประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวังและไม่หลงเชื่อการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีความเสี่ยงหลายประการ ได้แก่:

  1. การต้องรับภาระดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดมาก
  2. ความเสี่ยงต่อการถูกข่มขู่และคุกคามจากการทวงถามหนี้
  3. โอกาสที่จะได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน

ประชาชนที่ต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ตามช่องทางที่ทางการกำหนด เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน

การทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ “บ้านเสี่ยโน้ต” ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และการคุ้มครองประชาชนจากการถูกเอารัดเอาเปรียบโดยเจ้าหนี้นอกระบบที่ไม่มีความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ยังมีเครือข่ายเงินกู้นอกระบบอีกมากมายที่ดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องเร่งปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป