ดอลลาร์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

เรื่องที่น่าสนใจ

ดอลลาร์แข็งค่า รับคาดการณ์เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนจับตาประชุมเฟด 1-2 พ.ย.นี้ คาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และเป็นการปรับขึ้น 4 ครั้งติดต่อกัน

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 1 พฤศิจกายน 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (1/11) ที่ระดับ 38.00/03 บาท/ดอลลาร์สหัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (31/10) ที่ระดับ 38.09/10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

 

ครม.อนุมัติ โครงการแก้หนี้เพิ่มทุน ปล่อยกู้ 2 หมื่น/ราย ไม่ต้องมีหลักประกัน
ทัวร์รถไฟลอยน้ำ เปิดบริการทุกเสาร์-อาทิตย์ เริ่มเที่ยวแรก 5 พ.ย. 65
BYD เปิดจองวันแรก รับรถได้เลย ลูกค้าอีวีจ้องย้ายค่าย ทิ้งยี่ห้ออื่น
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง หลังจากปรับขึ้นในเดือนมิถุนายน, กรกฎาคม และกันยายน

โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวอ่อนค่าลง 0.6% ที่ระดับ 110.83 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 3.99% ในวันนี้

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลงหลังมีการเปิดเผยตัวเลข Chicago PMI ออกมาต่ำกว่าคาดที่ระดับ 45.2 จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 47.8 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มตึงตัวและอาจเข้าสู่สภาวะถดถอย ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 37.73-38.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 37.83/85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (1/11) ที่ระดับ 0.9883/85 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (31/10) ที่ระดับ 0.9939/41 ดอลลาร์สหรฐ/ยูโร หลังยูโรสแตทเปิดเผยข้อมูลตัวเลขประมาณการณ์เงินเฟ้อในยูโรโซนซึ่งประกอบด้วย 19 ประเทศ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.7% ในเดือนตุลาคม จาก 9.9% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของรอยเตอร์ที่ระดับ 10.2% และสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ขณะที่ประเทศอังกฤษซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อในระดับสูง ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 2.25% ในการประชุมเดือนกันยายน ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่า BOE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีความเห็นไม่เป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยกรรมการ 5 รายลงมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ขณะที่ 3 รายลงมติให้ปรับขึ้น 0.75% และ 1 รายให้ปรับขึ้น 0.25% สำหรับ BOE นั้น มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งต่อไปในวันที่ 3 พฤศจิกายน และอีกครั้งในวันที่ 15 ธันวาคม ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 0.9878-0.9947 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 0.9925/28 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (1/11) ที่ระดับ 148.79/82 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (31/10) ที่ระดับ 148.53/54 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนยังคงอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราครั้งใหญ่ในเดือนนี้เพื่อพยุงค่าเงินเยน

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการแทรกแซงตลาดของรัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่มีประสิทธิภาพในการหนุนค่าเงินเยนในระยะยาว ตราบใดที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษ สวนทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นขยายกว้างขึ้นต่อไป ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.49-148.82 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 147.78/79 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนตุลาคม จากเอสแอนด์พี โกลบอลของสหรัฐ (1/11), ดัชนีภาคการผลิตเดือนตุลาคมจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ของสหรัฐ (1/11), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนกันยายนของสหรัฐ (1/11) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนกันยายนของสหรัฐ (1/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -9.25/-8.75 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -9.9/-7.7 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ